จุรินทร์ ฟาดแรง! กู้มาแจกเงินหมื่น ทำเศรษฐกิจโตไม่ได้จริง แค่ทางรอดบางพรรค

[thanin]

จุรินทร์ ฟาดแรง! กู้มาแจกเงินหมื่น ทำเศรษฐกิจโตไม่ได้จริง แค่ทางรอดบางพรรค
จุรินทร์ ซัดของบกลางปี 67 กู้มาแจกเงินหมื่น ฉะโครงการล่าช้า เพราะความโหลยโท่ยของรัฐบาล บริหารเหมือนเด็กเล่นขายของ ย้ำ ดิจิทัลวอลเล็ต ทำเศรษฐกิจโตไม่ได้จริง ชี้อาจเป็นทางรอดของบางพรรค แต่ไม่ใช่ทางรอดของประเทศ

วันที่ 17 ก.ค.2567 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท

เมื่อเวลา 10.25 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า วันนี้ต้องมาพูดกันเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต ทั้งที่ควรจบไปนานแล้ว เพราะรัฐบาลเคยสัญญาว่าจะทำทันที แต่วันนี้มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น และอีกเหตุผลที่ต้องมาพูดกันเพราะรัฐบาลเสนอ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 67 เพื่อเติมเข้ามา

มีสาระสำคัญเพื่อขอกู้มาแจก 1.12 แสนล้านบาท เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเงิน 4.5 แสนล้านบาท ที่รัฐบาลจะเอาไปทำ ดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งรัฐบาลอ้างว่าทำแบบสิงคโปร์ แต่เขาแจกเพราะเขามีเงินหรือพอให้แจก แต่เรากู้มาแจก มันคนละเวอร์ชั่นกันเลย Admauto99

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ขอย้ำว่าตนไม่เคยต่อต้านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ตรงกันข้ามตนทวงถามแทนประชาชนทุกครั้งว่าเงินหมื่นบาทที่รัฐบาลประกาศจะแจกตั้งแต่ตอนหาเสียง จะได้เมื่อไหร่ จะได้กี่โมง วันนี้ตนขอทวงถามอีกรอบ รัฐบาลต้องรับผิดชอบ ไปสัญญาแลกเอาคะแนนมาแล้วต้องชดใช้กับประชาชน ต้องทำให้ทันเวลา ถูกกฎหมาย โปร่งใส และคุ้มค่ากับประเทศ


นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า เรื่องความล่าช้า การที่โครงการนี้ล่าช้าไม่ใช่แรงค้านของฝ่ายไหน แต่เพราะความโหลยโท่ยของรัฐบาลเอง ที่บริหารเหมือนเด็กเล่นขายของ เป็นไม้หลักปักขี้เลน โอนไปเอนมา เอาแน่อะไรไม่ได้ รวมทั้งเรื่องเวลาก็เลื่อนมากี่รอบ จนวันนี้ประชาชนลงเรือเก้อมาแล้วกี่ลำ

แหล่งเงินก็กลับไปกลับมา ตอนหาเสียงบอกแจกทันทีไม่มีกู้ พอเป็นรัฐบาลไม่กี่วันก็ออกลายเลื่อนทันที บอกจะออกพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้าน แต่เศณษฐกิจไม่ได้วิกฤต ก็ยกธงขาว จากนั้นเปลี่ยนมาใช้เงิน ธ.ก.ส. ท่ามกลางเสียงเตือนว่าสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมาย ก็ยืนยันเสียงแข็งว่าทำได้ เสียเวลาไป 3 เดือนก่อนโยนผ้าอีกรอบ


ล่าสุดขอเปลี่ยนเป็นแหล่งเงินที่จะมาแจกแค่ 2 แหล่ง คือ 1.จากงบประมาณปี 67 จำนวน 1.65 แสนล้านบาท 2.งบปี 68 จำนวน 2.85 แสนล้านบาท รวมแล้วเป็น 4.5 แสนล้านบาท โดยงบ 67 แยกเป็นงบกลางปี 1.22 แสนล้านบาท และงบบริหารจัดการ 4.3 หมื่นล้านบาท ส่วนงบ 68 แยกเป็นงบกลาง 152,700 ล้านบาท และงบบริหารจัดการ 132,300 ล้านบาท รวมเป็น 4 ก้อน ซึ่งยังไม่รู้อยู่ไหน

แต่ความจริงจนวันนี้เม็ดเงินจริงยังไม่มีสักบาทเดียว ยังล่องลอยอยู่ในอากาศ เพราะยังจะต้องรอกระบวนการทั้ง 4.5 แสนล้านบาท หลายประเด็นถึงยังไม่นิ่ง และนิ่งไม่ได้ เพราะรัฐบาลบริหารแบบคิดไปทำไม ที่ร้ายที่สุด ก็พูดสวนกันไปมา รมต.ประจำสำนักนายกฯ แถลงเรื่องแหล่งเงิน 4.3 หมื่นล้านบาท บอกว่าจะเอามาจากงบกลางปี 67 ไม่ทันขาดคำ รมช.คลัง แถลงว่า 4.3 หมื่นล้านบาท ไม่จำเป็นต้องเอามาจากงบกลางทั้งหมด นี่มัน ครม.ชุดเดียวกันหรือไม่

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ที่สำคัญการหาเม็ดเงินมาแจก จากงบ 67 จำนวน 4.3 หมื่นล้านบาท ที่รัฐบาลหวังว่าจะไปเอามาจากงบกลาง มาใช้ในโครงการดิจิตอลวอลเล็ตนั้น อยู่ในงบกลางฉุกเฉิน ซึ่งมีอยู 9.5 หมื่นล้านบาท แต่วันนี้รัฐบาลใช้ไปแค่ 3,238 ล้านบาท แปลว่าการเบิกจ่ายเงินของจริงโดยเฉพาะงบฉุกเฉินเกียร์ว่าง เพื่อให้เงินก้อนนี้เหลือใช้เอามาแจก 4.3 หมื่นล้านบาท

ฉะนั้นที่พยายามออกข่าวสร้างภาพใหญ่โต เชิญหน่วยงานต่างๆ มากำชับเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ เพื่อจะทำให้เศรษฐกิจปีนี้โตให้ได้ 3% เป็นเพียงแค่การละครชัดๆ เพราะพอลงลึก งบนายกฯยังไม่ได้ใช้เลย เพราะยังยักไว้เอามาแจก สนองนโยบายพรรคและรัฐบาล

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ส่วนรายจ่ายลงทุนที่ใส่ไว้ในพ.ร.บ.ฉบับนี้ ระบุไว้ว่า ใช้เป็นรายจ่ายลงทุน 80 เปอร์เซ็นคือ 97,600 ล้านบาท จึงเกิดคำถามว่าทำไมรัฐบาลไปตีความว่าเป็นรายจ่ายลงทุนถึง 80 เปอร์เซ็น ซึ่งไม่น่าจะจริงเพราะดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ใช่เงินลงทุน แต่เป็นเงินโอนเพื่อการบริโภค เป็นการตีความแบบคามลูกคาบดอกไปหน่อยหรือไม่ สุดท้ายอาจจะนำไปสู่ความเสี่ยง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง มาตรา 20 (1) ต่อไป

ตนเข้าใจว่ารัฐบาลพยายามที่จะใส่ฟองสบู่ให้เข้าใจว่าการมาขอกู้ในวันนี้เป็นการลงทุนเยอะ ไม่ได้เอาไปบริโภคอย่างเดียว และจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในการพัฒนาต่อไป แต่หนีความจริงไม่พ้นว่าที่แจกไป เป็นการแจกไปเพื่อบริโภค ไม่เช่นนั้นจะเป็นการกำหนดสินค้าทำไมว่าซื้ออะไรได้บ้าง ถ้านี้ไม่ใช่การบริโภคแล้วจะเรียกว่าอะไร หวังการลงทุนทอดสองทอด หวังให้โรงงานผลิตสินค้ามากขึ้น แต่แจก 6 เดือน การลงทุนก็หายไปแล้วจะมาคิดลงถึง 80 เปอร์เซ็น ได้อย่างไร

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลตีปี๊บมาตลอดว่าถ้าทำดิจิทัลวอลเล็ตแล้วจะทำให้เศรษฐกิจโต 5% จะทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพราะจะนำเงิน 4.5 แสนล้านบาทไปใส่มือคนไทย จากนั้นจะหมุนไปยังร้านค้า โรงงานและจะเกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน 6 เดือนที่แจก และจะทำให้จีดีพี เฉพาะดิจิทัลวอลเล็ต โต 1.2-1.8 พูดอย่างกับตลกคาเฟ่ ดูถูกคนคิดเลขเป็นทั้งประเทศ เพราะไม่ว่านักวิชาการ สถาบันการเงิน นักเศรษฐศาสตร์ แบงค์ชาติ องค์กรอิสระ สภาพัฒน์ หน่วยงานของรัฐที่เป็นหน่วยงานกลางที่กำหนดตัวเลขทางเศรษฐกิจ พูดตรงกันว่าที่บอกว่าจะได้ได้จริง แต่ได้ไม่คุ้มเสีย และยังมีค่าเสียโอกาส

ถ้ารัฐบาลเอาเม็ดเงิน 5 แสนล้านบาทนี้ไปทำอย่างอื่นจะได้มากกว่านี้ เช่นแจกกลุ่มเปราะบาง กลุ่มคนจน เพราะเขาจะได้ใช้เงินทันที เศรษฐกิจหมุนเวียนทันที ไม่ไปเก็บไปยักไว้ และเอาเงินอีกก้อนที่เหลือไปใช้ลงทุนในด้านอื่นเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจที่ยังยืนจะได้ประโยชน์มากกว่า เช่น ลงทุนพื้นฐาน สร้างคนในระบบเศรษฐกิจ สร้างคนในระบบการศึกษา รองรับการลงทุนธุรกิจสมัยใหม่ ลงทุนด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อรองรับพัฒนาการค้าเศรษฐกิจยุคใหม่ โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ที่ควรลงทุนเตรียมไว้

"ฉะนั้นการกู้มาแจกเพียงแค่ 6 เดือน เหมือน โยนหินลงน้ำ 1 ก้อน เกิดแรงกระเพื่อมแค่จ่อมเดียว แล้วหายไป แต่ที่เกิดขึ้นคือพายุหมุนเอาหนี้ก้อนโตมาให้คนไทยชดใช้ไปอีกนานเท่านาน เข้าทำนองประเทศเสียหายไม่ว่า ขอให้ข้าได้หาเสียง"นายจุรินทร์กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ขอเตือนรัฐบาลถึงความไม่โปร่งใสว่าให้ระวัง อย่าให้แรงกู้เที่ยวนี้ กลายเป็นแรงกู้ไร้อนาคต เพราะทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นอันขาด ทั้งนี้ สาเหตุที่ประชาชนหันมาพิศวาสโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เพราะรัฐบาลนี้บริหารมาเกือบปี เกือบไม่เหลืออะไรให้ประชาชนหวังได้อีกแล้ว นอกจากน้ำข้าวต้มชื่อ ดิจิทัลวอลเล็ต ชามเดียว

"เกือบปีที่ผ่านมาผลงานรัฐบาลบอกตรงๆ ว่าสุดเห่ยจริงๆทุกด้าน แต่ขอให้รัฐบาลได้รับทราบว่าแม้จะเปลี่ยนไปใช้แอพทางรัฐ แต่ดิจิตอลวอลเล็ต จะเป็นแค่ทางรอดของประชาชนคนจน และกลุ่มเปราะบางชั่วคราว เฉพาะกิจเท่านั้น แม้อาจจะเป็นทางรอดของบางพรรคการเมือง แต่ที่แน่นอนไม่ใช่ทางรอดของประเทศ"นายจุรินทร์กล่าว