รัฐบาล เตือนอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพ หลอกทำงานฟาร์มออสเตรเลีย ย้ำยังไม่ร่วมมือกับไทย

[thanin]

รัฐบาล เตือนอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพ หลอกทำงานฟาร์มออสเตรเลีย ย้ำยังไม่ร่วมมือกับไทย.
รัฐบาล เตือนอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพ หลอกทำงานฟาร์มออสเตรเลีย ย้ำยังไม่มีความร่วมมือกับไทยด้านการส่งแรงงาน -ไม่มีนโยบายฟรีวีซ่าเกษตรให้คนไทย

เมื่อวันที่ 21 พ.ย.67 นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพใช้สื่อออนไลน์ทั้งเว็บไซต์ และเพจเฟซบุ๊ก โฆษณาชักชวนคนไทยไปทำงานฟาร์มในออสเตรเลีย โดยแอบอ้างว่ารัฐบาลออสเตรเลีย และกระทรวงแรงงาน ร่วมมือจัดหาคนไทยไปทำงานในออสเตรเลีย Admauto99

โดยจะได้รับวีซ่าประเภททำงานเป็นระยะเวลา 3-5 ปี ได้รับค่าจ้างเดือนละ 90,000 – 120,000 บาท และนายจ้างจะจ่ายค่าดำเนินการ ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าวีซ่า พร้อมจัดหาที่พักให้ตลอดระยะทำงาน

"เมื่อมีผู้สนใจหลงเชื่อจะให้ส่งข้อมูลส่วนตัว ชื่อ สกุล ที่อยู่ พร้อมเอกสารสำคัญ อาทิ บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง ทะเบียนบ้าน อ้างว่าจะใช้ตรวจสอบประวัติอาชญากรรม และยื่นขอวีซ่าทำงานจากนั้นจะให้โอนเงินเป็นค่ามัดจำหรือเป็นค่าดำเนินการด้านเอกสารเป็นเงินประมาณ 100,000 – 200,000 บาท และเมื่อชำระเงินครบแล้ว จะไม่ติดต่อหรือดำเนินการตามที่สัญญาไว้

และผู้เสียหายจะไม่สามารถเดินทางไปทำงานได้ตามกำหนดเวลา และยังมีกรณีการชักชวนให้คนไทยยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวแทนวีซ่าทำงาน โดยสัญญาว่าจะช่วยยื่นขอวีซ่าทำงานภายหลังจากการเดินทางไปถึงออสเตรเลีย เมื่อเดินทางถึงแล้ว ผู้ที่เสียหายจะไม่สามารถติดต่อกับตัวแทนหรือได้รับการช่วยเหลือตามที่สัญญาไว้" นายคารม กล่าว

นายคารม ย้ำว่ารัฐบาลออสเตรเลียยังไม่มีความร่วมมือกับประเทศไทยด้านการส่งแรงงาน และยังไม่มีนโยบายการออกวีซ่าเกษตรให้กับคนไทย จึงขอเตือนคนไทยที่กำลังหางานในต่างประเทศ ก่อนตัดสินใจโอนเงินให้สายนายหน้าหรือผู้แทนบริษัทรายใด

ขอให้ตรวจสอบรายชื่อบริษัทจัดหางานที่ได้รับอนุญาตให้จัดส่งคนหางานไปทำงานต่างประเทศจากกรมการจัดหางาน เว็บไซต์ กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน doe.go.th/ipd

ปัจจุบันมิจฉาชีพมีกลวิธีสร้างความน่าเชื่อถือเพื่อหลอกลวงคนหางานหลายวิธี โดยปีงบประมาณ 67 มีการดำเนินคดีสาย นายหน้าเถื่อนแล้ว 452 ราย หลอกลวงคนหางานทั้งสิ้น 608 คน คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย จำนวน 44,223,300 บาท ซึ่งประเทศที่พบคนหางานถูกหลอกลวงไปทำงานมากที่สุด ได้แก่ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี สหรัฐอเมริกา และไอซ์แลนด์ ตามลำดับ